วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ตามรอยเสด็จ


หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงขึ้นครองสิริราชสมบัติ เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๙ และในวันที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๙๓  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นสู่พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ทรงเปล่งปฐมบรมราชโองการว่า เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม นั้น  
ในปี ๒๕๐๒ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการครั้งแรกในรัชกาล โดยเริ่มต้นจากประเทศสาธารณรัฐเวียดนาม อินโดนีเซีย และสหภาพพม่า พร้อมกันนั้นพระองค์ยังเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนราษฎรของพระองค์ทั่วประเทศ เพื่อให้พสกนิกรได้ชื่นชมพระบารมี ในการนี้ก็ยังเป็นการเสด็จทรงงานของพระองค์เรื่อยมา จนเป็นที่ทราบกันดีว่า การเสด็จไปยังถิ่นทุรกันดารทั่วทุกสารทิศในแว่นแคว้นนี้ เป็นการเสด็จทรงงานเพื่อแก้ไขความทุกข์ยากของพสกนิกรทั้งสิ้น 
กล่าวสำหรับจังหวัดนครศรีธรรมราชนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชได้เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรชาวนครศรีธรรมราชมากถึง ๑๖ ครั้ง  โดยเสด็จเยี่ยมราษฎรชาวนครศรีธรรมราชเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑๓ – ๑๖ มีนาคม พ.ศ.๒๕๐๒ เป็นการเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรโดยเสด็จทางรถยนต์เข้าสู่จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่อำเภอทุ่งสง  ในครั้งนั้นได้เสด็จเยี่ยมราษฎรรวม ๔ อำเภอ คือ อำเภอทุ่งสง  อำเภอเมือง อำเภอพรหมคีรี  อำเภอร่อนพิบูลย์  



ผู้เขียนขออัญเชิญเรื่องราว “การเสด็จเยือนเมืองนคร” ๒ ครั้งแรกนั้นเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงพระราชกรณียกิจต่างๆ โดยเฉพาะอันเป็นที่มาซึ่งโครงการพระราชดำริที่ยังประโยชน์อันใหญ่หลวงแก่ชาว เมืองนครศรีธรรมราช และพื้นที่ใกล้เคียงในเวลาต่อมา นั่นคือ โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 

            ในการเสด็จเยี่ยมพสกนิกรทางภาคใต้ครั้งแรกนั้นเกิดขึ้นในระหว่างวันที่ ๖ – ๒๖ มีนาคม พ.ศ.๒๕๐๒ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ โดยการรถไฟแห่งประเทศไทยได้จัดทำขบวนรถไฟพระที่นั่งถวาย เสด็จออกจากสถานีหลวงจิตรลดา เมื่อวันที่ ๖ มีนาคม พ.ศ.๒๕๐๒ เวลา ๐๖.๐๕ น. ถึงสถานีชุมพร เวลา ๑๗.๒๐น. เสด็จเยี่ยมพสกนิกรจังหวัดชุมพร แล้วจึงได้เสด็จเยี่ยมพสกนิกร ทางภาคใต้ด้วยรถยนต์พระที่นั่งไปยังจังหวัดต่างๆ อันได้แก่ จังหวัดชุมพร ระนอง ภูเก็ต พังงา กระบี่ นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง สงขลา สตูล ปัตตานี ยะลา นราธิวาส  แล้วจึงเสด็จกลับกรุงเทพมหานครด้วยรถไฟพระที่นั่งจากสถานีตันหยงมัส จังหวัดนราธิวาส ในวันที่ ๒๔ มีนาคม พ.ศ.๒๕๐๒
  

 เส้นทางที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ “เสด็จเมืองนคร ๒๕๐๒”

วันที่ ๑๓ มีนาคม พ.ศ.๒๕๐๒ เวลา ๑๕.๓๙ น. รถยนต์พระที่นั่งเข้าสู่เขตจังหวัดนครศรีธรรมราชที่บ้านคลองปาง ตำบลกะปาง อำเภอทุ่งสง 
นายจันทร์ สมบูรณ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายพระแสงศัสตราประจำจังหวัดนครศรีธรรมราชแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากนั้นได้เสด็จพระราชดำเนินต่อไปยังพลับพลาหน้าที่ว่าการอำเภอทุ่งสง

 นายเคลื่อน จิตสำเริง นายอำเภอทุ่งสงนำเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรที่มาเฝ้ารอรับเสด็จ  ณ ที่นั้นมีราษฎรชายผู้หนึ่งลุกขึ้นขอจับพระหัตถ์ และกราบบังคมทูลว่า ตนคิดถึงพระเจ้าอยู่หัวมาหลายวันแล้ว เพิ่งได้เห็นและได้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทในวันนี้เอง นับเป็นบุญของตนยิ่งนัก


       ใน ขณะนั้นมีราษฎรกลุ่มหนึ่งนำหญิงชราอายุประมาณ ๑๓๐ ปีมาเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทักทายราษฎร ผู้คนต่างก็ปลาบปลื้มเป็นล้นพ้น  จนเมื่อเวลา ๑๖.๕๕ น. จึงเสด็จพระราชดำเนินออกจากอำเภอทุ่งสง เพื่อไปยังอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช


          
ในการเสด็จเยี่ยมราษฎรในครั้งนั้นทั้งสองพระองค์ได้ประทับแรม ณ จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ในตอนค่ำได้มีราษฎรจำนวนมากกรูกันมาเกาะรั้วจวนผู้ว่าราชการจังหวัดฯ และโห่ร้องถวายพระพร ทั้งสองพระองค์ได้ออกมาโบกพระหัตถ์ที่ระเบียงจวนผู้ว่าฯ นับเป็นภาพอันตรึงตราตรึงใจของราษฎรที่เฝ้ารอรับเสด็จ  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงถ่ายภาพราษฎรที่มาเข้าเฝ้า ณ ที่นั้นด้วยฝีพระหัตถ์พระองค์เอง



 วันเสาร์ที่ ๑๔ มีนาคม พ.ศ.๒๕๐๒ เวลา ๐๙.๐๐ น.เสด็จพระราชดำเนินไปยังวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ที่บริเวณวัดพระมหาธาตุฯ ได้มีราษฎรพากันมาคอยเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท



 ทั้ง สองพระองค์เสด็จพระราชดำเนินเข้าวิหารพระมหาภิเนษกรมณ์ และเสด็จพระราชดำเนินขึ้นสู่ลานประทักษิณ ทรงสุหร่ายสรงพระบรมธาตุเจดีย์ แล้วพระราชทานแพรสีชมพูซึ่งเป็นเสมือนผ้าพระบฏให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรี ธรรมราชนำไปห่มพระบรมธาตุตามที่ประเพณีของชาวเมืองนครถือปฏิบัติกันมา จากนั้นจึงถวายธูปเทียนแพ ต้นไม้ทอง ต้นไม้เงิน และธูปเทียนนมัสการพระบรมธาตุ




 แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปยังพระวิหารหลวง ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระรัตนตรัย


 ทรงประเคนผ้าไตรและย่ามแก่พระสงฆ์ ๒๐ รูป พระสงฆ์ออกไปครองผ้าเสร็จแล้วกลับเข้ามายังอาสนะเจริญพระพุทธมนต์ แล้วทรงประเคนภัตตาหาร พระสงฆ์รับพระราชทานฉัน



 ในการนี้คณะพราหมณ์แห่งนครศรีธรรมราชได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท


 ราษฎรชาวนครศรีธรรมราชมารอเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทตลอดถนนราชดำเนิน



 เวลา ๑๕.๓๐ น. เสด็จพระราชดำเนินจากที่ประทับไปทรงวางพวงมาลาที่อนุสาวรีย์วีรไทย* ซึ่งเป็นที่บรรจุอัฐิทหารผู้ประกอบวีรกรรมต่อต้านข้าศึกที่รุกรานแผ่นดินไทยเมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๘๔ ด้วยความกล้าหาญ


 จากนั้นทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์โรงพยาบาลมณฑลทหารบกที่ ๕ **
 แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมทหาร ณ กองบัญชาการมณฑลทหารบกที่ ๕ ณ ที่นั้น ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ ๕ กราบบังคมทูลนำนายทหารและภริยาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท
 ได้พระราชทานพระบรมราโชวาทแก่นายทหารแล้วเสด็จพระราชดำเนินตรวจแถวทหาร


            จากนั้นจึงเสวยพระสุธารสและทอดพระเนตรการแสดงรำถวายพระพร ครั้นเวลา ๑๖.๕๘ น. จึงเสด็จพระราชดำเนินจากค่ายวชิราวุธไปยังศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช




 และเสด็จพระราชดำเนินถึงหอพระพุทธสิหิงค์




 แล้วเสด็จพระราชดำเนินประทับบนพลับพลาหน้าศาลากลาง จังหวัดนครศรีธรรมราช ณ ที่นั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชกราบบังคมทูลนำข้าราชการและพ่อค้า ประชาชนเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท



 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสตอบขอบใจในการต้อนรับกันอย่างพร้อมเพรียงที่ทำให้ทรงหายเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง ทรงอ้างคุณพระบรมธาตุและพระพุทธสิหิงค์ให้ช่วยคุ้มครองประชาชนชาวนครศรีธรรมราชให้เจริญรุ่งเรืองตลอดกาล



 จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายพระบรมธาตุจำลอง นายกเทศมนตรีทูลเกล้าถวายพระเครื่องซึ่งขุดได้จากเจดีย์ยักษ์ วัดพระเงิน อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช




 ในช่วงนั้นเองมีราษฎรผู้หนึ่งทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเป็ดซึ่งมี ๔ ขา ด้วยเห็นว่าเป็นของแปลก



 วันอาทิตย์ ที่ ๑๕ มีนาคม พ.ศ.๒๕๐๒ เวลา ๑๐.๐๐ น.เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งไปยังน้ำตกพรหมโลก อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช*** ระหว่างทางเสด็จพระราชดำเนินได้ทรงหยุดรถยนต์พระที่นั่งที่ซุ้มของชาวไทยมุสลิม ที่ชุมชนตลาดแขก






 คณะกรรมการมัสยิดซอลาฮุดดินได้ทูลเชิญเสด็จพระราชดำเนินลงเหยียบมัสยิดซอลาฮุดดิน เพื่อเป็นสิริมงคล ทรงไต่ถามทุกข์สุขชาวไทยมุสลิมที่เฝ้ารอรับเสด็จ แล้วจึงเสด็จพระราชดำเนินต่อ



 ก่อนถึงน้ำตกพรหมโลก ซึ่งเป็นระยะทางประมาณ ๒๐ กิโลเมตรนั้น ต้องทรงเปลี่ยนรถยนต์พระที่นั่งเป็นรถจิ๊ปที่สามแยกบ้านตาล เพราะถนนในช่วงนี้เป็นถนนดินซึ่งราษฎรชาวนครศรีธรรมราชได้ร่วมมือร่วมใจกันขุดถนนเป็นเวลาแรมเดือนเพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวาย โดยภายใต้การอำนวยการของนายศุภโชค พานิชวิทย์ นายอำเภอท่าศาลา



 เมื่อถึงน้ำตกพรหมโลก ทรงพักผ่อนอิริยาบถ ทอดพระเนตรความงดงามของน้ำตกพรหมโลกในเวลานั้นซึ่งมีความงดงามสุดที่จะหาคำมาพรรณนาได้





 และก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับ ทั้งสองพระองค์ทรงลงพระปรมาภิไธยย่อ ภปร. และ สก.ไว้ที่หน้าผาข้างน้ำตกด้วย ยังเห็นอยู่มาจนถึงปัจจุบันนี้



 วันจันทร์ที่ ๑๖ มีนาคม พ.ศ.๒๕๐๒ เวลา ๐๘.๑๖ น. เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งออกจากที่ประทับ จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อเสด็จไปยังอำเภอร่อนพิบูลย์ ระหว่างสองข้างทางได้มีราษฎรมาเฝ้ารอรับเสด็จและชื่นชมพระบารมีกันอย่างล้นหลาม




 เสด็จถึงอำเภอร่อนพิบูลย์เวลา ๐๙.๑๕ น. ทรงเยี่ยมราษฎรอยู่ประมาณชั่วโมงเศษ เสด็จพระราชดำเนินออกจากอำเภอร่อนพิบูลย์ เวลา ๑๐.๒๕ น.ไปยังจังหวัดตรังเป็นลำดับต่อไป



 รวมระยะเวลาที่เสด็จประทับอยู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ๓ วัน
.................................................................................


 พระบรมฉายาลักษณ์ ภาพพระราชกรณียกิจนี้ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้อัญเชิญมาเผยแพร่ได้ตามหนังสือสำนักพระราชวัง  ที่ พว ๐๐๐๑/๘๕๘ ลงวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๔๘ เรื่อง ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตฯ และ หนังสือสำนักราชเลขาธิการ  ที่ รล ๐๐๐๔.๓/๑๑๗๒๐ ลงวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๔๘ เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาต

 *อนุสาวรีย์วีรไทย สร้างเป็นอนุสรณ์สถานแก่วีรกรรมการต่อสู้ของทหารกล้า เมื่อญี่ปุ่นได้ก่อสงครามมหาเอเชียบูรพาขึ้นในเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ นั้นได้ยกพลขึ้นบกเข้าประเทศไทยทางภาคใต้  ได้แก่  จังหวัดปัตตานี สงขลา ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ และนครศรีธรรมราช ทุกจุดที่กองทัพญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกต่างก็ถูกกำลังของกองทัพบกไทยต่อต้านอย่าง เหนียวแน่นและทรหดเป็นที่สุด ในบรรดาวีรกรรมนี้เป็นทหารในสังกัดมณฑลทหารบกที่ ๕ จังหวัดนครศรีธรรมราช วีรกรรมครั้งนี้นับเป็นเกียรติประวัติของชาวจังหวัดนครศรีธรรมราชที่จะต้อง ดำรงไว้อยู่ในประวัติศาสตร์อย่างไม่มีวันรู้เลือน

 ** ปัจจุบัน คือ โรงพยาบาลค่ายวชิราวุธ เป็นโรงพยาบาลทหารในสังกัดและตั้งอยู่ภายในกองทัพภาคที่ ๔

 *** ในเวลานั้นยังมีได้แยกเป็นอำเภอพรหมคีรี

ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงห่วงใยและทรงปฏิบัติ พระราชกรณียกิจเพื่อให้พสกนิกรของพระองค์ให้อยู่ดีมีสุขมาโดยตลอดรัชกาลของพระองค์นั้น ขอพระองค์ทรงพระเจริญ


ข้อมูลอ้างอิง

คัดลอกข้อมูล
องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช, เสด็จเมืองนคร นครศรีธรรมราช นครอันงามสง่า แห่งพระราชผู้ทรงธรรม, ๒๕๔๙
บัณฑิต สุทธมุสิก, เมืองพระ : ตามรอยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี, สารนครศรีธรรมราช, ปีที่ ๔๐ ฉบับที่ ๙ เดือนกันยายน ๒๕๕๔, หน้า ๑๐-๑๘
http://www.rid.go.th/royalproject/
ภาพจากหนังสือพิมพ์เก่าๆ หลายฉบับ