รัชกาลที่ ๔ ทรง “ประดิษฐ์อักษรไทย” อริยกะ
ในศาสนาคริสต์ออกเผยแพร่ นับเป็นการเริ่มต้นการพิมพ์หนังสือในเมืองไทยเป็นครั้งแรก พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเห็นคุณประโยชน์ของการพิมพ์หนังสือที่พวกมิชชันนารีได้จัดขึ้นดังกล่าวแล ้ว จึงทรงพระดำริจัดตั้งโรงพิมพ์ขึ้นที่วัดบวรนิเวศวิหาร เพื่อจัดพิมพ์หนังสือแสดงคำสอนในพระพุทธศาสนา สำหรับใช้ในการสั่งสอนและเผยแผ่ ดังปรากฏในตำนานวัดบวรนิเวศวิหารว่า
หนังสือสวดมนต์ตัวอริยกะ |
หนังสือที่พิมพ์จากโรงพิมพ์ของพระองค์ก็พิมพ์ด้วยอักษรอริยกะ ซึ่งปัจจุบันมีเหลืออยู่น้อยเต็มทีเท่าที่พบมีอยู่ ๓ เรื่อง คือ พระปาติโมกข์ สวดมนต์ และ คาถาธรรมบท ส่วนหนังสือภาษาไทยนั้น จะมีพิมพ์บ้างหรือไม่ ไม่พบหลักฐาน แต่ได้พบข้อความภาษาไทยพิมพ์แ ซกอยู่ในหนังสือสวดมนต์อักษรอริยกะบ้างเล็กน้อย ซึ่งน่าจะเป็นข้อความที่พิมพ์ด้วยแบบอักษรไทยที่หมอบรัดเลย์นำมาถวาย ดังกล่าวข้างต้น หนังสืออริยกะ ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงจัดพิมพ์ขึ้น นับได้ว่าเป็นมรดกทางปัญญา และเป็นสมบัติทางวัฒนธรรม อันล้ำค่าของไทย ที่บรรพชนของเราได้สร้างสรรค์ไว้ ควรที่ไทยทั้งหลายจักได้ศึกษาเรียนรู้ มีความภาคภูมิใจ และควรที่จักได้อนุรักษ์ไว้ให้ลูกหลานไทยได้ศึกษาสืบไป
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชสมภพและเสด็จสวรรคตในวันเดียวกัน คือ วันพฤหัสบดีดิถีปวารณาออกพรรษา ซึ่งปีพุทธศักราช ๒๕๔๗ นี้ วันมหาปวารณาออกพรรษาตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๒๘ ตุลาคม จึงนับได้ว่าเป็นวาระพิเศษวาระหนึ่ง วัดบวรนิเวศวิหาร จึงได้จัดบำเพ็ญกุศลน้อมถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่ห ัว เป็นการพิเศษ พร้อมทั้งได้จัดพิมพ์ หนังสือสวดมนต์ตัวอริยกะ เล่มนี้ขึ้นน้อมถวายเฉลิมพระเกียรติอีกส่วนหนึ่งด้วย ในการพิมพ์ครั้งนี้ เนื่องจากต้นฉบับเดิมชำรุดมากจนไม่อาจถ่ายลงพิมพ์ได้โดยตรง จึงได้ใช้วิธีถ่ายแบบอักษร จากต้นฉบับเดิมแล้วเรียงใหม่ตามรูปลักษณ์ของต้นฉบับเดิมทุกประการ เพื่อให้เห็นว่าต้นฉบับเดิมท่านพิมพ์ไว้อย่างไร พร้อมทั้งได้เพิ่มคำอ่านในอักษรไทยไว้ตอนท้ายของหนังสือนี้ด้วย โดยเทียบคำอ่านกับต้นฉบับเดิมไว้หน้าต่อหน้า เพื่อให้ความสะดวกแก่ผู้ต้องการอ่านศึกษา ขอหนังสือ “สวดมนต์ ตัวอริยกะ”นี้ คงดำรงอยู่เป็นพระบรมราชานุสรณ์ ส่องพระราชเกียรติคุณในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้ปรากฏแผ่ไพศาลไปทั่วทิศานุทิศ ตลอดนิตยกาล เทอญ
วัดบวรนิเวศวิหาร
๒๘ ตุลาคม ๒๕๔๗
รัชกาลที่ ๔ ทรง “ประดิษฐ์อักษรไทย” อริยกะอักษร “อริยกะ” เป็นรูปแบบตัวอักษรประเภทหนึ่งที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในขณะทรงพระผนวชเป็น
“พระวชิรญาณเถระ” ทรงประดิษฐ์ขึ้นสำหรับใช้เขียนหรือพิมพ์ภาษาบาลีแทนตัวอักษรขอมที่ใช้กันมาแต่เดิม
รวมทั้งทรงประดิษฐ์ขึ้นสำหรับใช้เขียนภาษาไทยด้วย
(อาจเป็นความต้องการใช้แทนอักษรไทยด้วยก็ได้)
อาจถือได้ว่าการประดิษฐ์ “อักษรอริยกะ” เป็นหนึ่งในกระบวนการปฏิรูปพระพุทธศาสนาของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พร้อมๆ กับการตั้ง “ธรรมยุติกนิกาย”
รวมทั้งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเป็นผู้มีความรู้ด้านการพิมพ์
ทรงรู้ปัญหาในการหล่อและการเรียงพิมพ์
ด้วยเหตุที่ทรงรู้ภาษาอังกฤษและภาษาละตินจึงน่าจะทรงดัดแปลงอักษรไทยและวิธีการเขียนโดยอาศัยแบบอย่างจาก
“อักษรโรมัน”
เป็นแม่แบบ
ในระบบการเขียน “อักษรขอม” แล้วยิ่งมีความยุ่งยาก
โดยเฉพาะระบบอักษรที่มีทั้ง “พยัญชนะตัวเต็ม” และ “พยัญชนะตัวเชิง”
สำหรับช่วงเวลาที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงประดิษฐ์อักษรอริยกะนั้นไม่ปรากฏชัดเจน
สันนิษฐานกันว่าน่าจะทรงประดิษฐ์ขึ้นหลังจากได้เสด็จมาครองวัดบวรนิเวศวิหารแล้ว
เพราะในเวลานั้นมีผู้มาถวายตัวเป็นศิษย์เพื่อประพฤติปฏิบัติตามอย่างพระองค์เป็นจำนวนมาก
และเพื่อให้การศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยเป็นไปโดยสะดวกจึงน่าจะทรงประดิษฐ์อักษรอริยกะขึ้นสำหรับใช้แทน
“อักษรขอม” ที่แต่เดิมถือเป็น “อักษรศักดิ์สิทธิ์”
สำหรับเขียนเรื่องราวที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาทั้งที่เป็นภาษาบาลี
(เรียกว่า “อักษรขอมบาลี”) และภาษาไทย
(เรียกว่า “อักษรขอมไทย”)
เมื่อพิจารณารูปแบบอักษรอริยกะแล้วจะพบว่าอักษรอริยกะเป็นอักษรที่ได้อิทธิพลรูปแบบตัวอักษรจากอักษร
“โรมัน” เป็นอย่างมาก
ทั้งนี้เห็นได้จากรูปแบบตัวอักษรและในลักษณะที่มีการแบ่งอักษรอริยกะเป็น ๒ กลุ่ม
คือ
๑. อักษรอริยกะตัวพิมพ์
๒. อักษรอริยกะตัวเขียน
อักษรอริยกะทั้งสองกลุ่มแม้จะเป็นอักษรอริยกะเช่นเดียวกันแต่ก็มีรูปแบบที่แตกต่างกันไป
เพื่อใช้ในวัตถุประสงค์ที่ต่างกัน ลักษณะเช่นนี้พบได้ในรูปแบบตัวอักษร “โรมัน”
นอกจากอิทธิพลทางด้านรูปอักษรแล้ว
ในด้านระบบการเขียนหรืออักขรวิธีของอักษรอริยกะปรากฏอิทธิพลอักขรวิธีการเขียนของอักษรโรมันเข้าไปประสมอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก
โดยเฉพาะในเรื่องการจัดวางรูป “สระ”
ทั้งนี้เพราะลักษณะการวางรูปสระในระบบการเขียนของอุษาคเนย์
เช่น อักษรขอม หรืออักษรไทย นิยมวางสระไว้ทั้งด้านหน้า ด้านบน ด้านล่าง
และด้านหลังพยัญชนะ ซึ่งจะเกิดปัญหามากสำหรับการเขียนหรือการพิมพ์
อักษรสิงหล |
อักษรขอมไทย |
ด้วยเหตุนี้เมื่อพระวชิรญาณเถระ
(พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) ทรงประดิษฐ์อักษรอริยกะขึ้น
จึงน่าจะทรงพยายามที่จะตัดความยุ่งยากในระบบการเขียนในอักษรขอมและอักษรไทยออกไปทั้งหมด
และใช้ตามระบบการเขียนอักษร “โรมัน” ซึ่งง่ายกว่า ทั้งในด้านการเรียงพยัญชนะและสระ
(ซึ่งเขียนเรียงไว้หลังพยัญชนะทั้งหมด)
อักษรละติน |
ดังนั้น “อักษรอริยกะ”
จึงเป็นอักษรที่ได้รับอิทธิพลทางรูปแบบตัวอักษรและอิทธิพลทางด้านอักขรวิธีในการเขียนจาก
“อักษรโรมัน” นั่นเอง
พระวชิรญาณเถระ
(พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) กลับทรงประดิษฐ์ “อักษรอริยกะ” เพื่อ “พิมพ์”
พระธรรมวินัยเผยแพร่แทนการ “จาร” บนใบลาน เช่นเดียวกับที่มิชชันนารี “พิมพ์” คัมภีร์ไบเบิลสอนศาสนาคริสต์ กรณีนี้อาจเป็นหนึ่งในกระบวนการปรับ “พระพุทธศาสนา” ให้เหมาะสมกับยุคสมัยมากขึ้นก็ได้
อักษรเทวนาคี |
การที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงประดิษฐ์อักษรแบบใหม่ขึ้นแล้วพระราชทานนามว่า
“อักษรอริยะ” อาจเนื่องมาจากต้องการแสดงให้เห็นว่าอักษรประเภทนี้เป็นอักษรของ
“ผู้เป็นอารยชน” ซึ่งอาจมีความหมายเป็นนัยยะที่แสดงถึงการปรับตัวเข้าหาความเป็น
“อริยะ” หรือ “อารยะ”
(อาจหมายถึงประเทศตะวันตก)
ดังนั้นการที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงประดิษฐ์อักษร
“อริยกะ” ขึ้นใช้ นอกจากจะเพื่อความสะดวกในการศึกษาเล่าเรียนแทนอักษรขอมแล้ว
(ซึ่งโดยความเป็นจริงอาจยุ่งยากกว่าเพราะต้องปรับกระบวนการเรียนรู้ใหม่ทั้งหมด)
ยังอาจมีนัยยะถึงการปรับเปลี่ยนเข้าหาความเป็นอารยะ (ความเป็นตะวันตก) อีกด้วย
บรรณานุกรม
กำธร สถิรกุล. ลายสือไทย ๗๐๐ ปี. กรุงเทพฯ : องค์การค้าของคุรุสภา, ๒๕๒๖.
ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จฯ กรมพระยา. ความทรงจำ. กรุงเทพฯ : มติชน, ๒๕๔๖.
วชิรญาณวโรรส, สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยา. คาถาชาดกแลแบบอักษรอริยกะ. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์มหามกุฏราชวิทยาลัย, ๒๕๑๔.
ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จฯ กรมพระยา. ความทรงจำ. กรุงเทพฯ : มติชน, ๒๕๔๖.
วชิรญาณวโรรส, สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยา. คาถาชาดกแลแบบอักษรอริยกะ. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์มหามกุฏราชวิทยาลัย, ๒๕๑๔.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น