วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2554

Kāyasaṃsaggasikkhāpada

2.Kāyasaṃsaggasikkhāpada 

ห้ามภิกขุถูกต้องตัวหญิง

Kāyasaṃsaggasikkhāpada
(สิกขาบท: ถูกต้องกาย)

สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ 2
อาบัติหนักเพราะมีจิตกำหนัดจับต้องกายหญิง

“Yo pana bhikkhu otiṇṇo vipariṇatena cittena mātugāmena saddhiṃ kāyasaṃsaggaṃ samāpajjeyya hatthaggāhaṃ vā veṇiggāhaṃ vā aññatarassa vā aññatarassa vā aṅgassa parāmasanaṃ, saṃghādiseso”ti. (2:6)
Mahāsaṅgīti Tipiṭaka Buddhavasse 2500
1V:998-998 Creative Commons License

โย ปะนะ ภิกขุ โอติณโณ วิปะริณะเตนะ จิตเตนะ มาตุคาเมนะ…

“อนึ่ง ภิกขุใดกำหนัดแล้ว มีจิตแปรปรวนแล้ว จึงความเคล้าคลึงด้วยกายกับมาตุคาม คือจับมือก็ตาม จับช้องผมก็ตาม ลูบคลำอวัยวะอันใดอันหนึ่งก็ตาม เป็นสังฆาทิเสส.”

อนาบัติ (ลักษณะที่ไม่ต้องอาบัติ)

1.ภิกขุไม่จงใจถูกต้อง
2.ภิกขุถูกต้องด้วยไม่มีสติ
3.ภิกขุไม่รู้
4.ภิกขุไม่ยินดี
5.ภิกขุวิกลจริต
6.ภิกขุมีจิตฟุ้งซ่าน
7.ภิกขุผู้กระสับกระส่ายเพราะเวทนา
8.ภิกขุอาทิกัมมิกะ ไม่ต้องอาบัติแล.

เรื่องต้นบัญญัติ

พระผู้มีพระภาคประทับ ณ เชตวนาราม แล้วกล่าวถึงวิหารของพระอุทายีว่างดงาม มีเตียงตั่งฟูกหมอน น้ำดื่มน้ำใช้ตั้งไว้ดีมีบริเวณอันกวาดสะอาด มนุษย์ทั้งหลาย พากันไปชมวิหาร มากด้วยน้ำ พราหมณ์ผู้หนึ่งพาภริยาไปขอชมวิหาร พระอุทายีก็พาชม ให้พราหมณ์เดินหน้าภริยาตามหลัง พระอุทายีเดินตามหลังภริยาของพราหมณ์นั้นอีกต่อหนึ่ง เลยถือโอกาสจับต้องอวัยวะน้อยใหญ่ของนาง นางบอกแก่สามี สามีโกรธติเตียนเป็นอันมาก

ความทราบถึงพระผู้มีพระภาค ทรงเรียกประชุมสงฆ์ ไต่สวนได้ความเป็นสัตย์ ทรงติเตียนเป็นอันมากแล้ว จึงทรงบัญญัติสิกขาบท ห้ามภิกขุมีจิตกำหนัดจับต้องกายหญิง ไม่ว่าจะเป็นการจับมือ จับช้องผม หรือ ลูบคลำ อวัยวะใด ๆ ทรงปรับอาบัติสังฆาทิเสส แก่ผู้ล่วงละเมิด.

องค์แห่งอาบัติ

1.หญิงมนุษย์
2.สำคัญว่าเป็นหญิง
3.กำหนัดด้วยกายสังสัคคราคะ
4.พยายามตามความกำหนัด
5.จับมือเป็นต้น

พร้อมด้วยองค์ 5 ดังนี้ จึงเป็นสังฆาทิเสส (บุพพสิกขาวรรณนา หน้า 134)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น