4.Attakāmapāricariyasikkhāpada
ห้ามภิกขุพูดชมการบำเรอกาม
Attakāmapāricariyasikkhāpada
(สิกขาบท: บำเรอกามเพื่อตน)
(สิกขาบท: บำเรอกามเพื่อตน)
สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ 4
อาบัติหนักเพราะพูดให้หญิงบำเรอตนด้วยกาม
อาบัติหนักเพราะพูดให้หญิงบำเรอตนด้วยกาม
โย ปะนะ ภิกขุ โอติณโณ วิปะริณะเตนะ จิตเตนะ มาตุคามัสสะ…
อนาบัติ
1.ภิกขุกล่าวว่า
ขอท่านจงบำรุงด้วยจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และเภสัชบริขาร อันเป็นปัจจัยของภิกขุไข้ ดังนี้ เป็นต้น
2.ภิกขุวิกลจริต
3.ภิกขุอาทิกัมมิกะ ไม่ต้องอาบัติแล.
เรื่องต้นบัญญัติ
พระผู้มีพระภาคประทับ ณ เชตวนาราม แล้วเล่าถึงหญิงหม้ายคนหนึ่ง ผู้มีรูปร่างงดงาม พระอุทายีเข้าไปสู่สกุลนั้น สั่งสอนจนเกิดความเลื่อมใสแล้ว นางปวารณาที่จะถวายผ้านุ่งห่ม อาหาร ที่นอน ที่นั่ง และยารักษาโรค แต่พระอุทายีกลับพูดล่อหรือชักชวนหญิงนั้น ให้บำเรอตนด้วยกาม ถือว่าเป็นสิ่งที่หาได้ยาก นางหลงเชื่อแสดงอาการยินยอม พระอุทายีถ่มน้ำลายแสดงอาการรังเกียจ นางติเตียนพระอุทายี.
ความทราบถึงพระผู้มีพระภาค จึงทรงเรียกประชุมสงฆ์ไต่สวนติเตียนแล้ว ทรงบัญญัติสิกขาบท ห้ามภิกขุมีจิตกำหนัด พูดล่อหญิงให้บำเรอตนด้วยกาม ทรงปรับอาบัติสังฆาทิเสสแก่ผู้ล่วงละเมิด.
องค์แห่งอาบัติ
1.หญิงมนุษย์
2.รู้อยู่ว่าเป็นหญิง
3.กำหนัดยินดีในที่จะกล่าวคำชั่วหยาบ
4.กล่าวตามความกำหนัดนั้น
5.หญิงรู้ความในขณะนั้น
พร้อมด้วยองค์ 5 ดังนี้ จึงเป็นสังฆาทิเสส (บุพพสิกขาวรรณนา หน้า 136)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น